ปัจจุบันมีปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress หลายตัวที่มีความสามารถในการปกป้องเว็บไซต์จากการโจมตีและการแฮ็กต่าง ๆ โดยปลั๊กอินเหล่านี้มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การป้องกันการโจมตีด้วย brute force, การสแกน malware, และการตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย นี่คือปลั๊กอินความปลอดภัยที่เป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพสำหรับ WordPress :
1. Wordfence Security
- ฟีเจอร์หลัก:
- การสแกน malware และไฟล์ที่มีความเสี่ยง
- ระบบ firewall ที่ช่วยป้องกันการโจมตีจากภายนอก
- การแจ้งเตือนเมื่อพบปัญหาด้านความปลอดภัยหรือการโจมตี
- ระบบล็อกอินที่ปลอดภัย (Two-Factor Authentication)
- ระบบการตรวจสอบความพยายามล็อกอิน (Brute Force Protection)
- ข้อดี:
- มีทั้งเวอร์ชันฟรีและพรีเมียม
- สแกนหา malware อย่างละเอียดและให้รายงานความปลอดภัยที่ชัดเจน
- มี Dashboard ที่ใช้งานง่าย
2. Sucuri Security
- ฟีเจอร์หลัก:
- การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์ในระบบ
- การสแกน malware และการตรวจสอบกิจกรรมของไฟล์
- การตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้ เช่น การเปลี่ยนแปลงหรือการอัปเดต
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อพบความเสี่ยง
- ฟีเจอร์ Firewall (เฉพาะในเวอร์ชันพรีเมียม)
- ข้อดี:
- ป้องกัน DDoS และการโจมตีอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีการติดตามและตรวจสอบกิจกรรมในเว็บไซต์อย่างละเอียด
- มีเวอร์ชันฟรีที่มีฟีเจอร์เพียงพอสำหรับการใช้งานเบื้องต้น
3. All In One WP Security & Firewall
- ฟีเจอร์หลัก:
- ระบบ firewall ที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ brute force และการล็อกอินที่ไม่ปลอดภัย
- การป้องกันการสร้างบัญชีผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
- ระบบตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงไฟล์และการสแกนหา malware
- การล็อกอินที่ปลอดภัยด้วยการล็อกการพยายามเข้าถึงหลายครั้ง (Login Lockdown)
- มีการแบ่งระดับความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ใช้เลือกปรับใช้ตามความต้องการ
- ข้อดี:
- ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครอบคลุมแม้ในเวอร์ชันฟรี
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเพราะมีการแนะนำการตั้งค่าที่ชัดเจน
- ระบบ Firewall ที่มีการปรับแต่งได้ตามความต้องการ
สรุป
- หากคุณต้องการปลั๊กอินที่ครอบคลุมและมีความสามารถในการป้องกัน malware อย่างมีประสิทธิภาพ Wordfence Security และ Sucuri Security เป็นตัวเลือกที่ดี
- หากต้องการปลั๊กอินที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่ครบครัน All In One WP Security & Firewall เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป